รถยนต์ไฟฟ้า เมื่อเจอน้ำท่วมต้องรู้อะไรบ้าง?
- CTMS TECHNOLOGY

- 4 ธ.ค.
- ยาว 1 นาที
ช่วงนี้หลายพื้นที่เจอน้ำท่วมฉับพลัน เจ้าของรถไฟฟ้าหลายคนอาจกังวลเรื่องความปลอดภัยของระบบไฟฟ้าและ แบตเตอรี่ CTMS ขอแนะนำแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้อง เพื่อให้คุณใช้งานรถ EV ได้อย่างอุ่นใจ ในช่วงน้ำท่วมและหลังน้ำลด

⚠️ข้อควรระวังในการขับ EV ผ่านพื้นที่น้ำท่วม
1. หลีกเลี่ยงการขับลุยน้ำลึก โดยเฉพาะระดับที่สูงเกินครึ่งล้อ
รถ EV บางรุ่นอาจกันน้ำได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้าน้ำสูงเกินกึ่งล้อหรือถึงขอบประตู เสี่ยงที่น้ำจะเข้าแบตเตอรี่ หรือห้องโดยสาร
น้ำที่สูงเกินระดับนี้อาจทำให้ระบบไฟฟ้าแรงสูงหรือวงจรอิเล็กทรอนิกส์เสียหาย
2. ห้ามขับเร็วหรือเร่งเครื่องในน้ำ
การขับเร็วในน้ำจะทำให้ คลื่นน้ำกระแทกใต้ท้องรถ อาจดันน้ำเข้าสู่ส่วนที่ไม่ควรเปียก เช่น ช่องระบายความร้อน หรือกล่องควบคุมระบบไฟฟ้า ควรขับช้า ๆ ต่อเนื่อง และรักษารอบเครื่องให้คงที่
3. อย่าจอดแช่ในน้ำแม้เพียงชั่วครู่
หากจำเป็นต้องหยุด ให้หาที่ที่น้ำไม่ท่วม และอย่าจอดแช่กลางน้ำ เพราะจะทำให้ น้ำซึมเข้าส่วนสำคัญ ได้ง่ายขึ้น
ระบบเบรกไฟฟ้า/มอเตอร์อาจได้รับผลกระทบจากความชื้นสะสม
4. ตรวจสอบการซีล (ซีลยาง/ฝาปิดต่าง ๆ) อย่าสม่ำเสมอ
ตรวจสอบว่าฝาปิดพอร์ตชาร์จ, ฝาปิดแบตเตอรี่ และจุดเชื่อมต่อต่าง ๆ แน่นหนา ไม่มีรอยฉีกขาด
5. หลีกเลี่ยงพื้นที่น้ำไหลแรง
แม้น้ำจะไม่ลึก แต่ถ้าไหลแรง อาจพัดรถเสียหลักหรือพลิกคว่ำได้ เพราะรถ EV มักหนักจากแบตเตอรี่ หากน้ำพัดแรงอาจควบคุมรถไม่ได้
6. เปิดกระจกเล็กน้อย (กรณีฉุกเฉิน)
หากจำเป็นต้องลุยน้ำ ให้เปิดกระจกลงเล็กน้อย เพื่อให้สามารถหนีออกจากรถได้หากระบบไฟฟ้าขัดข้อง
⚠️ ข้อปฏิบัติหลังน้ำลด โดยเราจะแบ่งระดับน้ำออกเป็น 3 ระดับ
ระดับ 1: แค่ลุยน้ำไม่ลึก น้ำไม่ถึงประตู หรือ ห้องโดยสาร
หลังผ่านน้ำได้แล้ว ให้จอดในที่แห้ง
สังเกตไฟเตือนบนหน้าปัด ถ้ามีไฟเตือนระบบไฟฟ้า หรือ ระบบแบตเตอรี่ ให้รีบติดต่อศูนย์
ยังควรเอาเข้าศูนย์เช็กใต้ท้องรถ ขั้วต่าง ๆ เพราะน้ำสกปรกทำให้เกิดสนิมและคราบได้ง่าย
ระดับ 2: น้ำท่วมถึงพื้นห้องโดยสาร หรือ ท่วมสูงกว่ากลางล้อ
ห้ามชาร์จรถ ห้ามกดสตาร์ทรถ
โทรเรียกศูนย์บริการ EV โดยตรง ให้เคลื่อนย้ายรถด้วยรถสไลด์ ไม่ควรเข็น หรือ ให้ล้อหมุน เนื่องจากน้ำที่เข้าไปในตัวรถอาจทำให้ระบบไฟฟ้าและแบตเตอรี่แรงสูง (High-voltage battery) ชำรุด หากมีการเข็นจนทำให้ระบบชาร์จพลังงาน (regen braking) ทำงานโดยไม่ตั้งใจ อาจทำให้วงจรเกิดปัญหา เสี่ยงช็อตและเกิดอันตรายได้
แจ้งศูนย์บริการว่า “รถโดนน้ำท่วม” เพื่อให้ศูนย์จัดการตามขั้นตอนตรวจสอบสูงสุด ทั้งแบต, มอเตอร์, คอนเนกเตอร์ ฯลฯ
ระดับ 3: รถจมน้ำทั้งคัน หรือจมอยู่นาน (โดยเฉพาะน้ำเค็ม หรือ น้ำสกปรก)
ห้ามสตาร์ทรถ ห้ามขยับรถเอง หากน้ำเข้าระบบแบตเตอรี่หรือสายไฟแรงสูง อาจทำให้ เกิดไฟฟ้ารั่ว หรือไฟฟ้าช็อตได้ทันที
ห้ามเข็น หรือ ทำให้ล้อหมุน รถไฟฟ้าบางรุ่นหากล้อหมุนจะไปกระตุ้นการสร้างพลังงานหรือระบบต่าง ๆ ซึ่งอาจทำให้ วงจรไฟฟ้าเสียหายเพิ่ม หรืออันตรายต่อผู้เข็น
ให้แจ้งศูนย์หรือประกันภัยทันที บริษัทประกันหรือบริการรถฉุกเฉินจะมีแนวทางที่ปลอดภัยในการเคลื่อนย้ายรถไฟฟ้าที่โดนน้ำท่วม และบางกรณีต้อง ตัดระบบไฟ หรือ ปลดแบตเตอรี่อย่างปลอดภัย ก่อนเคลื่อนย้าย
เรียกรถยก Flatbed และเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อยกรถออกไปไว้ในที่ โล่งแจ้ง ไม่จอดในอาคาร ใต้คอนโด หรือพื้นที่ใกล้สิ่งปลูกสร้าง เพราะแบตเตอรี่ลิเธียมในรถ EV หากโดนน้ำแล้วเกิดปฏิกิริยา อาจทำให้ เกิดความร้อนสะสมจนระเบิด หรือไฟลุกไหม้ได้ บางกรณีอาจเกิดเพลิงลุกไหม้ได้แม้จะผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วก็ตาม
CTMS พร้อมสนับสนุนความปลอดภัยในการใช้งานรถไฟฟ้าของคุณเสมอ เพราะการป้องกันที่ถูกต้อง คือการลดความเสี่ยงที่ดีที่สุด 🚗⚡ติดตามเทคนิคสำหรับผู้ใช้รถ EV ได้อีกมากมายที่ CTMS EV Solution


ความคิดเห็น